สะตอ (Parkia speciosa Hassk)
ชื่ออื่น ตอ (ระนอ) ปัตเต๊าะ ปาไต กะตอ ปะตา กายูปะตา
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้น เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางกึงขนาดใหญ่ มีความสูงเฉลี่ย 30 เมตร ต้นสูงชะลูดขึ้นไปแล้วแตกกิ่งก้านเป็นพุ่ม แผ่กว้าง ลำต้นเรียบลอกเป็นสะเก็ดเล็กน้อย มีสีน้ำตาลอ่อน
ใบ ใบเป็นใบประกอบคล้ายขนนก ใบย่อยมีขนาดเล็กกว้างปลายใบบนฐานใบ้านนอกเบี้ยวขึ้นเป็นติ่ง
ดอก ออกเป็นช่อรวมกัน เป็นกระจุกคล้ายดอกกระถินมีขนาดเล็กจำนวนมากติดเป็นช่อกลม ช่อดอกห้อย แต่ละดอกมีก้านดอกและมีใบประดับรอง ดอกจะออกเดือนเมษายน หลังจากนั้น 70 วัน จะสามารถเก็บฝักได้ ฝักกว้าง ฝักบิดเป็นเกลียวห่าง ฝักอ่อนมีสีเขียว พอแก่จะเป็นสีดำ เมล็ดรูปรีเกือบกลมเรียงตามขวางกับฝัก เมล็ดมีขนาด
ฤดูกาลเก็บส่วนขยายพันธุ์ กรกฎาคม-สิงหาคม
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการเจริญเติบโต พบทั่วไปในภาคใต้และภาคตะวันออก ชอบเจริญตามเชิงเขาที่มี สภาพป่าสมยบูรณ์มีความชื้นในอากาศสูงสามารถเจริญเติบโตร่วมกับพืชอื่นได้ดี
การใช้ประโยชน์
ทางอาหาร เมล็ดกินเป็ฯผักเหนาะ โดยกินสด เผาไฟหรือดอง ใช้ผัดเผ็ด ผัดเปรี้ยวหวาน ต้มกะทิ ส่วนยอดใช้กินเป็นผักเหนาะ
ทางยา เมล็ด รสจืดมัน ขับปัสสาวะ ช่วยลดน้ำตาลในเ้ส้นเลือด กินเป็นประจำช่วยป้องกันโรคเบาหวาน
ฤดูกาลที่ใช้ประโยชน์ มิถุนายน-กรกฎาคม
ตะลิงปลิง (Averrhoa bilimbi Linn)
ชื่ออื่น บลีมิง (มาเลย์-นราธิวาส) หลิงปลิง มะเฟืองตรน (ภาคใต้) กะลิงปิง ปลีมิง ลิงปลิง (ระนอง)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้น เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูงประมาณ 5 เมตร แตกกิ่งก้านสาขามาก เปราะหักง่าย เปลือกต้นมีสีชมพู ผิวเรียบมีขนนุ่มปกคลุมตามกิ่ง
ใบ ใบประกอบแบบขนนก ใบย่อยรูปหอก ปลายแหลม โคนมน จะเรียงจากขนาดเล็กไปหาขนาดใหญ่ ที่โคนนั้นจะมีขนาดเล็ก
ดอก ออกดอกเป็นช่อหลายช่อตามลำต้น หรือกิ่ง ดอกมี 5 กลีบ สีแดงเข้ม กลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ เช่นกัน สีเขียวอมชมพู ดอกมีกลิ่นหอม เกสรกลางดอกเป็นสีเขียวอ่อน
ผล กลมยาวปลายมน เป็นพูตามยาว ผิวเรียบสีเขียว เมื่อสุกเป็นสีเหลือง เนื้อเหลว ออกเป็นช่อห้อย รสเปรี้ยว เมล็ดแบน
ฤดูกาลเก็บส่วนขยายพันธุ์ -
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการเจริญเติบโต พบตามป่าดิบชื้นปัจจุบันนิยมปลูกเพื่อนำมาปรุงเป็นอาหาร
การใช้ประโยชน์
ทางอาหาร ผล เนื้อผลประกอบเป็นเครื่องปรุงอาหารเพิ่มรสชาดให้เปรี้ยว และนิยมบริโภคสดเป็นผลไม้ และแปรรูปเป็นผลไม้แช่ิอิ่ม
ทางยา ใบ รักษาโรคผิวหนัง ขับพยาธิ ขับเสมหะ ต้น ใช้ต้นอ่อนเป็นยาระบาย
ข้อควรระวัง ห้ามบริโภคเกินขนาดจะทำให้อาเจียนได้
กระเจี๊ยบมอญ (Abelmoschus esculemtus Moench)
ชื่ออื่น กระเจี๊๊ยบขาว กระเจี๊ยบ มะเขือมอญ มะเขือทะวาย (ภาคกลาง) มะเขือพม่า มะเขือมื่น มะเขือละโว้ (ภาคเหนือ)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้น เป็นไม้ล้มลุก สูง 1-2 เมตร ลำต้นมีขนหยาบ
ใบ ใบเดี่ยวขนาดใหญ่ รูปฝ่ามือ มีขนคลุม
ดอก สีเหลือง ดอกเดี่ยวออกที่ซอกใบ กลีบดอกสีเหลือง โคนกลีบดอกด้านในสีม่วงแดง
ผล กลมยาว โคนตรงปลายแหลม เป็นจีบ มีขนรอบ ผลเมื่อแก่จะแตกออกเห็น เมล็ดกลม สีดำ
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการเจริญเติบโต ปลูกได้ในเขตร้อนทั่วไป
การใช้ประโยชน์ ทางอาหาร ผลอ่อน ต้มจิ้มน้ำพริก ผสมในแกงส้ม
ทางยา ผล บดเป็นผง ชงน้ำร้อน หรือปั้นเมล็ดรับประทานรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
ดาหลา (Nicolaid elatior Horan)
ชื่ออื่น กาหลา (ภาคใต้,ภาคเหนือ) จินตะหรา (กระบี่) กะลา (ภาคกลาง)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้น เป็นพืชตระกูลเดียวกับขิงแต่สูงกว่า สูงประมาณ 2.5-3 เมตร ไม้ล้มลุกเหมือนขิง มีลำต้นเป็นเง้าอยู่ใต้ดิน ลำต้นบนดินเป็นกาล
ใบ มีรูปหอก ปลายใบแหลม ใบกว้างประมาณ 6 นิ้ว ยาว 10-14 นิ้ว ใบมีสีเขียวเข้ม
ดอก แทงก้านออกจากหน่อใต้ดิน ก้านดอกเป็นปล้องคล้ายไผ่สีเขียว สูงประมาณ 80-120 ซม. ดอกสีแดงอมชมพู มีกลีบซ้อนกันหลายชั้น โคนกลีบเป็นสีแดง และส่วนปลายของขอบกลีบเป็นสีขาว กลีบลดขนาดเล็กลงในวงชั้นใน ปลายกลีบที่แบะออก มีจงอยแหลม ส่วนใต้ขอบกลีบมีสีขาว กลีบดอกเรียบเป้นมันไม่มีกลิ่น
การขยายพันธุ์ แยกหน่อ
ฤดูกาลเก็บส่วนขยายพันธุ์ ตลอดทั้งปี
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการเจริญเติบโต พบทางภาคใต้โดยเฉพาะเทือกเขาบูโด ในเขตจังหวัดนราธิวาส ชอบที่ชื้นและมีร่มเงา
การใช้ประโยชน์
ทางอาหาร ดอกตูม หน่ออ่อน ต้มจิ้มน้ำพริก แกงเผ็ด แกงกะทิ แกงคั่ว ผสมในข้าวยำ หรือใช้ยำมีรสชาดเผ็ดร้อน
ทางยา แก้โรคผิวหนัง แก้ลมพิษ ขับลม การใช้สอยอื่น เป็นไม้ประดับ
ฤดูกาลที่ใช้ประโยชน์ พฤษภาคม - สิงหาคม